วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ต้นแก้วแคระมงคล



ต้นแก้วแคระมงคล

ประวัติและที่มา
"ต้นแก้วแคระอินโด" หรือ "แก้วแคระมหามงคล"  บางท่านเรียกว่า "แก้วแคระจิ๋ว" หลาย ๆ ท่านถกเถียงกันถึงเรื่องความเป็นมา ว่าจริง ๆ แล้ว แก้วสายพันธุ์นี้ เป็นไม้นำเข้า หรือไม้ที่เพาะพันธุ์ขึ้นในไทยกันแน่ จากการสอบถามคุณพ่อ (อาจารย์มานิตย์ 1 ในคณะกรรมการตัดสินไม้ดอกไม้ประดับ ในงานพฤกษาสยาม The Mall บางแค ทุกปี) จึงได้ความว่า จริง ๆ แล้ว แก้วแคระสายพันธุ์นี้ ถูกพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นในประเทศไทย และรู้จักกันในนาม "แก้วแคระ" หรือที่บางท่าน เรียกกันว่า "แก้วแคระมหามงคล" หรือ "แก้วแคระจิ๋ว" แต่ในเวลานั้นยังไม่เป็นไม้ในกระแส จนกระทั่งมีชาวอินโดนีเซีย มาซื้อไปเพาะจำหน่ายที่ประเทศของเค้า หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีพ่อค้าชาวไทยไปพบเข้า แล้วก็ซื้อกลับมาขายที่ประเทศไทย โดยขายในนาม "แก้วแคระอินโด" เพราะซื้อกลับมาจากอินโด ซึ่งชื่อนี้ก็ทำให้ไม้ชนิดนี้ เป็นที่โด่งดัง และติดตลาดบอนไซ ในนามไม้นำเข้า ที่ใคร ๆ ก็รู้จักแก้วแคระชนิดนี้ ในนาม "แก้วแคระอินโด" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา


 ลักษณะของแก้วแคระมงคล 

   "ต้นแก้วแคระอินโด" หรือ "แก้วแคระมหามงคล"   มีลักษณะใบกลมรี เล็ก ละเอียด เงามัน เป็นไม้พุ่มแน่น มีลักษณะพุ่มกลม หรือใกล้เคียงทรงกลม เป็นไม้แคระ โตช้า เหมาะสำหรับทำบอนไซ จะนำไปดัดเข้าลวด หรือ จะตัดแต่งเป็นพุ่มกลม รูปทรงต่าง ๆ หรือไม่ก็ได้ ตามความชอบส่วนบุคคล แต่หากต้องการเพาะเลี้ยงไว้ เพื่อชมความงามของดอกแก้วสายพันธุ์นี้ เป็นที่รู้กันว่าออกดอกยากมาก ๆ และอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นบ่อยนัก เพราะเนื่องจากความแคระของต้น ทำให้ติดดอกตูมยังไม่ทันบาน ดอกก็ร่วงโรยหมด

เสน่ห์ของแก้วแคระ
มองปุ๊บเราจะเห็นเลยว่ามันดูสวยงามมากเลยตามตามธรรมชาติ โดยที่ไม่ต้องตกแต่ง มันสวยอยู่แล้ว สมภพอวดความงามของแก้วแคระ
แต่จะสวยยิ่งกว่านั้นหากนำมาทำเป็นบอนไซ หรือไม้ดัดไทย จะยิ่งเป็นการเพิ่มพูนความงดงาม สมภพบอกว่ายิ่งถ้านำไปปลูกในกระถางจีนจะยิ่งเพิ่มความสง่าผ่าเผย ดูมีราศีมากขึ้น
เอาไปตั้งตงไหนก็ได้ในส่วนของบ้าน เพราะว่ามันเข้าได้ทุกมุมมันเป็นไม้ที่ทรงไม่ใหญ่จนเกินไป ไม่เกะกะ เข้ามุมไหนก็ดูสวย ทำให้บ้านสวย

 การปลูกและการดูแลรักษา แก้วแคระมงคล
การเลี้ยงแก้วแคระแบบง่ายๆ ไม่ต้องมีเทคนิคอะไรมาก
เพราะแก้วแคระเป็นไม้แดดจัดและการตัดแต่งกิ่ง ยิ่งตัดกลมเป็นพุ่มยิ่งสวย เหมือนสุภาสิต
 "ไก่งามเพราะขน คนงานเพราะแต่ง"เอางี้เลยครับ
การใส่ปุ๋ย
 ส่วนมากเขานิยม ปุ๋ยละลายช้า ออสโมโค้ท
  สูตร  เดือน สูตร 13-13-13 หรือ สูตรเสมออะไรก็ได้
 วัสดุปลูกทำไง
                             1. ดิน 1 ส่วน
                             2. กาบมะพร้าวสับ 4 ส่วน
                             3. ใบก้ามปู 2 ส่วน
                             4. ปุ๋ยคอก 1 ส่วน
                             5. น้ำหมักชีวภาพด้วยจะดีที่สุด ที่สวนเรามีจำหน่ายน้ำหมักชีวภาพด้วยครับ แต่ต้องแจ้งก่อนจะได้เตรียมไว้ให้ หมักอย่างน้อยๆ 10 วัน แล้วก็หมั่นกลับให้ดินไม่อบร้อน แล้วค่อยนำไปปลูกต้นแก้วแคระ ที่ชำมา รอไปอีกนานเลยล่ะที่นี้ที่สำคัญ คืออย่าให้ขาดน้ำและแดดเป็นพอ

วิธีการขยายพันธุ์
วิธีการปักชำ : จากกิ่งเล็กๆ เท่าก้านไม้ขีด ปักชำนี่เราใช้แค่กิ่งเล็กๆ ไม่ใช่กิ่งใหญ่ เป็นกิ่งที่มีใบ มียอดใช้ได้หมด มันต้องจุ่มน้ำยาเร่งราก ชำในขี้เถ้าแกลบ ไม้ที่จะปักชำต้องจุ่มน้ำยาเร่งราก จะช่วยให้ได้ผลดี ถ้าเราไม่จุ่มน้ำยาเร่งราก โอกาสที่จะออกรากนี่ก็ยาก และต้องใช้เวลานานกว่าจะออกราก พอนานมันก็จะเน่า

              อาการรากเน่าต้นแก้วแคระ
นี่คืออุปสรรคใหญ่ของการขยายพันธุ์แก้วแคระ ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ ใช้ระยะเวลามาก คุณค่าและราคาจะขึ้นตรงนี้นอกจากทรงพุ่มที่สวยงาม

การเลี้ยงแก้วแคระแบบบอนไซ และงานประกวด 
ความพิเศษของแก้วแคระคือมีใบเล็ก ต้นแคระอยู่แล้ว เมื่อนำมาเลี้ยงแบบบอนไซ จึงทำให้เหมือนต้นไม้ใหญ่ได้ง่ายและไว กว่าไม้บอนไซชนิดทั่วไป ที่ต้องใช้ไม้ใหญ่มาตัดแต่ง และความได้เปรียบของแก้วแคระคือ สามารถนำมาทำเป็นบอนไซได้ทุกรูปทรง เช่น ทรงตกกระถาง ทรงต้น และทรงลู่ลม เป็นต้น
อย่างไรก็ตามหากต้องการทำแก้วแคระให้สวยงามและเป็นที่ยอมรับของวงการบอนไซ ต้องทำตามหลักเกณฑ์ของสมาคมบอนไซ และเป็นที่ยอมรับของนักเล่นบอนไซ ซึ่งขณะนี้มีมือบอนไซไม่น้อยเลยที่กำลังนำแก้วแคระไปปลูกเลี้ยงสไตล์บอนไซมาตรฐาน
ทั้งนี้แก้วแคระต้นที่นำมาตัดแต่งเป็นบอนไซจะมีกิ่งเล็กๆ ที่ต้องตัดทิ้ง เพื่อเอาแต่กิ่งหลัก ส่วนกิ่งที่ตัดทิ้งเราก็นำไปปักชำใช้เวลาประมาณ 3 เดือนก็จะออกราก แตกยอดใหม่ เพิ่มจำนวนได้อีกมากทีเดียว
ว่ากันว่ากิ่งที่แต่งทิ้งเพียงต้นเดียว นำไปปักชำได้หลายร้อยกิ่ง
อย่างไรก็ตามสมภพยอมรับว่า แก้วแคระที่เลี้ยง มีบางต้นที่เกิดการกลายพันธุ์หลายรูปแบบ เช่น ทรงพุ่มไม่กลม หรือต้นที่กลายจากใบเล็กเป็นใบใหญ่ เป็นต้น
ส่วนที่กลายพันธุ์ ต้นไหนที่ต่างและแปลกไปจากเดิม ก็ตัดมาปลูกใหม่ ใบใหญ่ขึ้น “ผมคิดว่าต้นที่กลายใบใหญ่มันน่าจะมีดอก เพราะบางต้นที่กลายออกมาแล้วมันมีดอก แต่อันปกติไม่มีดอก

การปลูกเลี้ยงแก้วแคระเพื่อการขายและการส่งออก ที่ต้องอาศัยแค่ธรรมชาติ
เราเลี้ยงต้องตากแดดจัดๆ ยิ่งจัดพุ่มยิ่งกลมแน่น นี่คือการเลี้ยงแก้วแคระแบบง่ายๆ ไม่ต้องมีเทคนิคอะไรมาก เพราะแก้วแคระเป็นไม้แดด หากเลี้ยงในพื้นที่รำไร พุ่มจะไม่แน่น กลม
ถ้าแดดจัดๆ มันจะแน่นเปรี๊ยะเลย สมภพย้ำ

เมื่อสอบถามถึงราคาแก้วแคระที่บอกว่าราคาไม่แพงนั้น คือเท่าไหร่ ขายที่สวนราคาหน้าร้านอยู่ที่ 200บาท ขนาดในกระถาง 6 นิ้ว ซึ่งในอดีตราคาไม้ไซส์นี้ราคาสูงถึง 500 บาท แต่เนื่องจากการผลิตที่มีจำนวนมากขึ้น จึงทำให้ราคาลดลงตาม เท่ากับว่าราคาลดลงมากว่าเท่าตัว
แต่ถ้าขายปลีกก็ 300 บาท
 อย่างไรก็ตามแม้แก้วแคระจะเป็นไม้เลี้ยงง่าย แต่ข้อจำกัดสำคัญของมันคือ โตช้า และการจะขยายพันธุ์ทำให้ได้ปริมาณมากๆ นี่ก็ยางไม่แพ้กัน
วิธีการขยายพันธุ์มีเพียงทางเดียวเท่านั้น คือ การปักชำ จากกิ่งเล็กๆ เท่าก้านไม้ขีด ส่วนการขยายพันธุ์ทางอื่นทดลองแล้วไม่สำเร็จ ซึ่งการชำกิ่งสมภพบอกว่า กว่ามันจะออกรากต้องใช้เวลา 2-3เดือน ส่วนใหญ่มือใหม่ๆ ชำกันเน่าตายก่อนรากจะงอกเกือบหมด คนที่ทำไม่ถูกหลักการมันก็เน่าหมดแหละ
นี่คืออุปสรรคใหญ่ของการขยายพันธุ์แก้วแคระ แต่สำหรับสมภพที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อแก้วแคระ ก็เพราะเขาศึกษา ทดลองชำกิ่งแก้วแคระจนมีความชำนาญ 
ต้องเรียนรู้เอง อย่างผมเรียนผิดเรียนถูกมาเป็น 10 ปี ไม่ได้ใช้เวลาน้อยๆ ที่เราจะปักชำให้ไม้ได้เปอร์เซ็นต์รอดสูงๆ ตอนนี้ผมทำให้รอดได้ 90% เราต้องศึกษาธรรมชาติของเขาด้วย พออกรากแล้วไม่ใช่ว่า
จะไม่ตาย ย้ายขึ้นมาปลูกใส่กระถางแล้วยังมีที่เสียหายอีกเยอะ ถ้าทำไม่ถูกวิธี ถ้าดูแลไม่ถึง มันก็ตายการดูแลเริ่มต้นนี่เหมือนลูกอ่อนเลยหล่ะ
เจ้าพ่อแก้วแคระย้ำว่าการผลิตแก้วแคระให้มีจำนวนทำได้ยาก เพราะต้องใช้กิ่งเล็กๆ มาชำ และค่อยๆ เลี้ยงให้ขนาดใหญ่ ใช้เวลาไม่ใช่น้อยเลย
นี่เองที่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แก้วแคระราคาสูง เพราะเริ่มจากปักชำ ไปจนกว่าจะขายได้ราคา 200 ใช้เวลาถึง 2 ปี
แต่ถ้าเราขายแพงเกินไป มันก็ไม่ได้ ตลาดมันก็เป็นไปตามวัฏจักรของต้นไม้ เราขายแพงเกินไปก็ไม่มีใครซื้อเรา

ประโยชน์ของแก้วแคระมงคล
                กลุ่มทรงพุ่มใหญ่ ขนาด 30 cm ก็สวยไปอีกแบบ เหมาะสำหรับเอาไปจัดสวน ตามรีสอร์ท โรงแรม ตึกสำนักงาน อาคารพาณิชย์ บ้านเดี่ยว เนื่องจากเป็นไม้โตช้าดูแลง่าย และมีทรงพุ่มกลมจะตัดกับความแข็งตรงของอาคารให้ดูมีมิติ สวยงาม ที่สำคัญเป็นไม้มงคล นำโชคลาภ มาให้เจ้าของอีกด้วย แก้วแคระส่วนใหญ่จะนำไปจัดสวน ทำบอนไซแก้วแคระ
                แก้วแคระ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพื้นที่สีเขียว เล็ก เช่น คอนโด  ห้องเช่า ใส่กระถางที่เป็นสีสันสวยงามตัดกับ สีเขียวของต้นไม้ ทำให้บรรยากาศในห้องดูสดใสขึ้นทันที่ 
                แก้วแคระทรงพุ่มใหญ่ เหมาะสำหรับจัดสวนหน้าโรงแรม รีสอร์ท อาร์พาทเม้น  บ้านเดี่ยว ยิ่งถ้าได้ใส่กระถางทรงสูง เล่นสีตามลักษณะต่างๆ ทำให้ดูสดใส เสริมความเป็นมงคลให้กับพื้นที่นั้นยิ่งขึ้น ครั้งหน้าผมจะเอาการแต่งแก้วแคระกับพื้นที่ต่างๆ




แบบฝึกหัดท้ายบท
บทที่ 1 แนวคิดและแนวโน้มเกี่ยวกับข้อมูลสารสนเทศยุคใหม่
1.ข้อมูลหมายถึง  ข้อมูล (Data) หมายถึง ข้อเท็จจริงหรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ เช่น คน สัตว์ สิ่งของสถานที่ ฯลฯ โดยอยู่ในรูปแบบที่ เหมาะสมต่อการสื่อสาร การแปลความหมายและการประมวลผลซึ่งข้อมูลอาจจะได้มาจากการสังเกต การรวบรวม การวัด ข้อมูลเป็นได้ทั้งข้อมูลตัวเลขหรือสัญลักษณ์ใด ๆ ที่สำคัญจะต้องมีความเป็นจริงและต่อเนื่องตัวอย่างของข้อมูล เช่น คะแนนสอบ ชื่อนักเรียน เพศ อายุ เป็นต้น     
2.ข้อมูลปฐมภูมิคือ
ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) เป็นข้อมูลประเภทหนึ่งที่ใช้ในการวิจัยตลาดจัดเก็บจากต้นกำเนิดของข้อมูลโดยตรง จึงให้รายละเอียดที่ลึกซึ้ง ทันสมัย มีความผิดพลาดน้อย แต่เป็นข้อมูลที่ยังต้องนำมาจัดระเบียบ รวบรวมตีความและให้รายละเอียดที่ลึกซึ้ง ทันสมัย มีความผิดพลาดน้อย แต่เป็นข้อมูลที่ยังต้องนำมาจัดระเบียบ รวบรวมตีความ
ยกตัวอย่างประกอบ  การไปสำรวจตามหมู่บ้าน ว่าบ้านไหนมีหรือไม่มีลูกน้ำยุงลายไหมและแจกทรายป้องกันลูกน้ำและเก็บข้อมูลว่าเคยมีใครเป็นไข้เลือดออกหรือป่าว
3.ข้อมูลทุติยภูมิคือ  คือ  สารสนเทศที่มีการรวบรวม เรียบเรียงขึ้นใหม่จากแหล่งสารสนเทศปฐมภูมิ มักจะอยู่ในรูปแบบการสรุป ย่อเรื่อง จัดหมวดหมู่ ทำดรรชนีและสาระสังเขป เพื่อประโยชน์ในการเข้าถึงและสามารถใช้ข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ได้แก่ สื่ออ้างอิงประเภทต่าง ๆ
ยกตัวอย่างประกอบ หนังสือ ตำรา ที่รวบรวมเนื้อหาวิชาการในการเรียนการสอน สารานุกรม พจนานุกรม รายงานสถิติต่าง
4.สารสนเทศหมายถึง ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ หรืออาจกล่าวได้ว่า สารสนเทศ เกิดจากการนำข้อมูล ผ่านระบบการประมวลผล คำนวณ วิเคราะห์และแปลความหมายเป็นข้อความที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
5.จงอธิบายประเภทของสารสนเทศ
1.สารสนเทศจำแนกตามแหล่งสารสนเทศ
1.1 สารสนเทศปฐมภูมิ (primary sources)  หมายถึง  สารสนเทศที่เรียบเรียงขึ้นจากประสบการณ์ของผู้เขียน หรือเป็น ผลการค้นคว้าวิจัย  นำเสนอความรู้ใหม่ ๆ  ได้แก่  รายงานการวิจัย วิทยานิพนธ์  เอกสารการปฏิบัติงาน  รายงานการประชุมทางวิชาการ   บทความวารสารวิชาการ   เอกสารสิทธิบัตร   เอกสารมาตรฐาน  เอกสารจดหมายเหตุ
1.2. สารสนเทศทุติยภูมิ (secondary sources) หมายถึง  สารสนเทศที่ได้จากการนำสารสนเทศปฐมภูมิมาสังเคราะห์และเรียบเรียงขึ้นใหม่  เพื่อเสนอข้อคิดหรือแนวโน้มบางประการ  ได้แก่  หนังสือทั่วไป  หนังสือตำรา  หนังสือคู่มือการทำงาน   รายงานความก้าวหน้าทางวิทยาการ  บทคัดย่องานวิจัย บทวิจารณ์หนังสือ  วารสารสาระสังเขป เป็นต้น
1.3 สารสนเทศตติยภูมิ (tertiary sources) หมายถึง สารสนเทศที่ชี้แนะแหล่งที่อยู่ของสารสนเทศปฐมภูมิและทุติยภูมิ  จะให้ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสารสนเทศ  ได้แก่หนังสือนามานุกรม  บรรณานุกรม  และดัชนีวารสาร เป็นต้น 
2. สารสนเทศจำแนกตามสื่อที่จัดเก็บ
2.1 กระดาษ เป็นสื่อที่ใช้บันทึกข้อมูล สารสนเทศ ที่ใช้ง่ายต่อการบันทึก รวมทั้งการเขียนและการพิมพ์ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันจนถึงปัจจุบัน
2.2 วัสดุย่อส่วน เป็นสื่อที่ถูกสำเนาย่อส่วนลงบนแผ่นฟิล์มชนิดต่าง ๆ ทั้งที่เป็นม้วนและเป็นแผ่น มีการจัดเรียงลำดับเนื้อหาตามต้น
2.3 สื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อแม่เหล็ก เป็นวัสดุสังเคราะห์เคลือบด้วยสารแม่เหล็ก สามารถบันทึกและแก้ไขข้อมูลได้สะดวกทั้งข้อมูลที่เป็นแอนาล็อก และดิจิตอล
2.4 สื่อแสงหรือสื่อออปติก (Optical Media) เป็นสื่อที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลและอ่านข้อมูลด้วยแสงเลเซอร์เช่น ซีดี-รอม ดีวิดี เป็นต้น ซึ่งมีความจุมากเป็นพิเศษ
จงเติมในช่องว่างว่าข้อใดเป็นข้อมูล หรือสารสนเทศ
6.ข้อเท็จจริงของสิ่งต่างๆที่อาจเป็นตัวเลขข้อความรูปภาพเสียงคือ ข้อมูล
7.ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลเป็น สารสนเทศ
8.ส่วนสูงของเพื่อนที่ถามจากเพื่อนแต่ละคนเป็น  ข้อมูลปฐมภูมิ
9. ผลของการลงทะเบียนเป็น สารสนเทศ

10. กราฟแสดงจำนวนนิสิตในห้องเรียนวิชาวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน Sectionวันอังคารเป็น สารสนเทศ

บทที่ 2 บทบาทสารสนเทศกับสังคม
1. ให้นิสิตหารายชื่อเว็บไซต์หรือเทคโนโลยีที่ให้บริการต่าง ๆ ตามหัวข้อเหล่านี้มาอย่างละ 3 รายการ
1.1 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในสาขาการศึกษา
- Wikipedia
- Dek-d
- Eduzones
1.2 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพธุรกิจ พาณิชย์ และสำนักงาน
กรมพัฒนาธุรกิจ
ธนาคารไทยพาณิชย์
ธนาคารกรุงเทพ
1.3 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพการสื่อสารมวลชน
ข่าวไทยรัฐออนไลน์
- .dailynews
- GossipStar
1.4 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางอุตสาหกรรม
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ผลิตภัณฑ์และอุตสาหกรรม
กรมโรงงานอุตสาหกรรม
1.5 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางการแพทย์
กระทรวงสาธารณสุข
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ( สพฉ.)
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร
1.6 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทหารตำรวจ
รับสมัครทหารกองหนุน
กองทัพบก
แจ้งเบาะแสออนไลน์
1.7 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพวิศวกรรม
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
สมาคมวิศวกรที่ปรึกษาแห่งประเทศไทย
สภาวิศวกร
1.8 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพด้านเกษตรกรรม
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเกษตรกรรม
การเกษตร
การเกษตรพอเพียงอย่างยั่งยืน
1.9 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับคนพิการต่าง ๆ
กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
กศน.เพื่อคนพิการ
สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ
2. มหาวิทยาลัยมหาสารคามเตรียมเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการศึกษาให้กับท่าน มีอะไรบ้าง บอกมาอย่างน้อย 3อย่าง
ห้องสมุดดิจิตอล
คอมพิวเตอร์
โปรเจคเตอร์
3. จากข้อ 2 จงวิเคราะห์ว่าท่านจะเอาเทคโนโลยีเหล่านั้น มาทำให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองอย่างไรบ้าง
ห้องสมุดดิจิตอลมีพื้นที่พอสำหรับนักศึกษาว่าต้องการไปค้นหาความรู้ โดยใช้อินเทอร์เน็ตได้ในการสืบค้นข้อมูล ซึ่งสะดวกและใช้งานง่าย

บทที่ 3 การรู้สารสนเทศ
1. ข้อใดเป็นความหมายที่ถูกต้องที่สุดของการรู้สารสนเทศ
     ง. ความสามารถของบุคคลในการเข้าถึง ประเมิน และใช้งานสารสนเทศ
2. จากกระบวนการของการรู้สารสนเทศ ทั้ง 5 ประการ ประการไหนสำคัญที่สุด
     ง. ความสามารถในการใช้และการสื่อสารสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
3. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของผู้รู้สารสนเทศ
     ค. ชอบใช้คอมพิวเตอร์ในการเล่นเกม
4. ข้อใดไม่ใช่ความสำคัญของการรู้สารสนเทศ
     ค. สารสนเทศมีการเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็ว จนยากที่จะเข้าถึง
5. ข้อใดเป็นการเรียงลำดับขั้นตอนของกระบวนการเรียนรู้สารสนเทศที่ถูกต้อง
     1. ความสามารถในการประมวลสารสนเทศ
     2. ความสามารถในการประเมินสารสนเทศ
     3. ความสามารถในการใช้และการสื่อสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
     4. ความสามารถในการค้นหาสารสนเทศ
     5. ความสามารถในการตระหนักว่าเมื่อใดจึงจะต้องการสารสนเทศ
     ค. 5-4-1-2-3

บทที่ 4 เทคโนโลยีสารสนเทศ
1. ให้นิสิตยกตัวอย่างอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตามหัวข้อต่อไปนี้ อย่างน้อยหัวข้อละ 3 ชนิด
แล้วแลกเปลี่ยนกันตรวจสอบกับเพื่อน
1) การบันทึกและจัดเก็บข้อมูล
   - บัตร ATM 
  - CD
  - Memory Card
2) การแสดงผล
จอภาพ
  - เครื่องพิมพ์
 - พลอตเตอร์
3) การประมวลผล
เครื่องคิดเลข
  - ฮาร์ดแวร์
ซอฟแวร์
4) การสื่อสารและเครือข่าย
โทรศัพท์มือถือ
- I Pad
วิทยุ
2.       ให้นิสิตนำตัวเลขในช่องขวา มาเติมหน้าข้อความในช่องซ้ายที่มีความที่สัมพันธ์กัน
3 ซอฟต์แวร์ประยุกต์
1. ส่วนใหญ่ใช้ทำหน้าที่คำนวณ ประมวลผลข้อมูล
10  Information Technology
2. e-Revenue
7 คอมพิวเตอร์ในยุคประมวลผลข้อมูล
3. เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่นำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินการเกี่ยวกับสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความถูกต้องแม่นยำ และความรวดเร็วต่อการนำไปใช้
4 เทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วย
4.มีองค์ประกอบพื้นฐาน 3 ส่วน ได้แก่ Sender Medium และDecoder
1 ช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการททำงาน
5. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการรับ-ส่งเอกสารจากหน่วยงานหนึ่งไปยังอีกหน่วยงานหนึ่งโดยส่งผ่านเครือข่าย
8 ซอฟต์แวร์ระบบ
6. เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
9 การนำเสนอบทเรียนในรูปมัลติมีเดีย ที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ตามระดับความสามารถ
7. โปรแกรมที่ทำหน้าที่ใช้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในระบบคอมพิวเตอร์
6 EDI
8. โปรแกรมระบบห้องสมุดอัตโนมัติ จัดเป็นซอฟต์แวร์ประเภท
5  การสื่อสารโทรคมนาคม
9. CAI
2 บริการชำระภาษีออนไลน์
10. ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 5 การจัดการสารสนเทศ
1. จงอธิบายความหมายของการจัดการสารสนเทศ
การจัดการสารสนเทศ ความหมายถึง การผลิต จัดเก็บ ประมวลผล ค้นหา และเผยแพร่ สารสนเทศโดยจัดให้มีระบบสารสนเทศ การกระจายของสารสนเทศ ทั้งภายในและภายนอกองค์การ โดยมีการนำเทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารมาใช้ในการจัดการ รวมทั้งมีนโยบาย หรือ กลยุทธ์ระดับองค์การในการจัดการสารสนเทศ
2. การจัดการสารสนเทศมีความสําคัญต่อบุคคลและต่อองค์การอย่างไร
1. การจัดการสารสนเทศมีความสำคัญต่อบุคคลในด้านการดำรงชีวิตประจำวัน การศึกษา และการทำงานประกอบอาชีพ ต่างๆ การจัดการสารสนเทศอย่างเป็นระบบ โดยการจัดทำฐานข้อมูลส่วนบุคคล รวบรวมทั้งข้อมูลการดำรงชีวิต การศึกษา และการทำงานประกอบอาชีพต่างๆ ในการดำรงชีวิตประจำวัน
2. ความสำคัญของการจัดการสารสนเทศต่อองค์การ
การจัดการสารสนเทศมีความสำคัญต่อองค์การในด้านการบริหารจัดการ การดำเนินงาน และกฎหมาย ดังนี้
 1) ความสำคัญด้านการบริหารจัดการ การบริหารจัดการในยุคโลกาภิวัตน์เป็นการบริหารภายใต้สภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีการแข่งขันกันทางธุรกิจสูง ผู้บริหารต้องอาศัยสารสนเทศที่เกี่ยวข้องทั้งกับสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกองค์การ เพื่อวิเคราะห์ปัญหา ทางเลือกในการแก้ปัญหา การตัดสินใจ การกำหนดทิศทางขององค์การ ให้สามารถแข่งขันกับองค์การคู่แข่งต่างๆ จึงจำเป็นต้องได้รับสารสนเทศ ที่เหมาะสม ถูกต้อง ครบถ้วน ทันการณ์ และทันสมัย เพื่อใช้ประกอบภารกิจตามหน้าที่ ตามระดับการบริหาร
2) ความสำคัญด้านการดำเนินงาน สารสนเทศนับมีความสำคัญต่อการดำเนินงานในหลายลักษณะ เป็นทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการดำเนินงาน และหลักฐานที่บันทึกการดำเนินงานในด้านต่างๆ ตามที่หน่วยงานดำเนินการ การจัดการสารสนเทศช่วยให้การใช้สารสนเทศเพื่อรองรับการปฏิบัติงานตามกระแสงานหรือขั้นตอน จึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการดำเนินงาน
3) ความสำคัญด้านกฎหมาย การจัดการสารสนเทศเพื่อการดำเนินงาน จำเป็นต้องสอดคล้องกับกฎหมาย กฎ ระเบียบและข้อบังคับทั้งในระดับภายในและภายนอกองค์การ โดยเฉพาะสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการเงินและบัญชีที่ต้องรวบรวมจัดเก็บอย่างต่อเนื่อง เป็นระบบ รวมทั้งมีการตรวจสอบความถูกต้องทั้งจากหน่วยงานภายในองค์การ หรือจากหน่วยงานภายนอกตามกฎหมาย
 3. พัฒนาการของการจัดการสารสนเทศแบ่งออกเป็นกี่ยุค อะไรบ้าง
แบ่งอย่างกว้างๆได้เป็น 2 ยุค เป็นการจัดการสารสนเทศด้วยระบบมือ และการจัดการสารสนเทศโดยใช้คอมพิวเตอร์
3.1 การจัดการสารสนเทศด้วยระบบมือ
3.2 การจัดการสารสนเทศโดยใช้คอมพิวเตอร์
 4. จงยกตัวอย่างการจัดการสารสนเทศที่นิสิตใช้ในชีวิตประจำวันมา อย่างน้อย 3 ตัวอย่าง
1. การฟังข่าวจากทีวีในการแจ้งเตือน ฝน ฟ้า อากาศ
2. การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งของเครื่องใช้ที่ต้องการซื้อ
3. การบริโภคข้อมูลในเฟสบุคอย่างมีสติ

บทที่ 6 การประยุกต์ใช้สารสนเทศในชีวิตประจำวัน
1. การประยุกต์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เป็นความหมายของข้อใด
     2. เทคโนโลยี
2. เทคโนโลยีสารสนเทศใดก่อให้เกิดผลด้านการเสริมสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม
     3. การสร้างสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
3. การฝากถอนเงินผ่านเอทีเอ็ม (ATM) เป็นลักษณะเด่นของเทคโนโลยีสารสนเทศข้อใด
     1. ระบบอัตโนมัติ
4. ข้อใดคือการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ
     4. ถูกทุกข้อ
5. เทคโนโลยีสารสนเทศหมายถึงข้อใด
     3. การนำเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์มาสร้างข้อมูลเพิ่มให้กับสารสนเทศ
 6. เครื่องมือที่สำคัญในการในการจัดการสารสนเทศในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร
     4. ถูกทุกข้อ
7. ข้อใดไม่ใช่บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศ
     4. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้มีการสร้างที่พักอาศัยที่มีคุณภาพ
8. ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์ที่ช่วยงานด้านสารสนเทศ
     3. เครื่องมินิคอมพิวเตอร์
9. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับ เทคโนโลยีสารสนเทศ
     3. ไม่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
10. ข้อใดคือประโยชน์ที่ได้จากการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับการเรียน
     4. ถูกทุกข้อ

บทที่ 7 ความปลอดภัยของสารสนเทศ
1. หน้าที่ของไฟร์วอลล์ (Firewall) คือ เป็นตัวกรองข้อมูลสื่อสาร โดยการกำหนดกฎและระเบียบมาบังคับใช้โดยเฉพาะเรื่องของการดูแลระบบเครือข่าย โดยความผิดพลาดของการปรับแต่งอาจส่งผลทำให้ไฟล์วอลล์มีช่องโหว่ และนำไปสู่สาเหตุของการโจรกรรมข้อมูลคอมพิวเตอร์ได้
2. จงอธิบายคำศัพท์ต่อไปนี้ ที่เกี่ยวข้องกับไวรัสคอมพิวเตอร์ worm, virus computer, spy ware, adware มาอย่างน้อย 1โปรแกรม
ตอบ virus computer คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ปรือชุดคำสั่ง ที่มนุษย์เขียนขึ้นมามีวัตถุประสงค์เพื่อรบกวนการทำงานหรือทำลายข้อมูล รวมถึงแฟ้มข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ ลักษณะการติดต่อของไวรัสคอมพิวเตอร์ คือไวรัสจะนำพาตังเองไปติด (Attach) กับโปรแกรมดังกล่าวก็เป็นเสมือนโปรแกรมพาหะในกำนำพาไวรัสแพร่กระจายไปยังโปรแกรมหรือระบบคอมพิวเตอร์อื่น ๆ หรือแม้กระทั่งแพร่กระจายในระบบเครือข่ายต่อไป
3. ไวรัสคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็นกี่ชนิด อะไรบ้าง
1) Application viruses จะมีผลหรือมีการแพร่กระจายไปยังโปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ
2) System viruses ไวรัสชนิดนี้จะติดหรือแพร่กระจายในโปรแกรมจำพวกระบบปฏิบัติการ Operating systems) หรือโปรแกรมระบบอื่น ๆ โดยไวรัสชนิดนี้มักจะแพร่เชื้อในขณะที่เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
4. ให้นิสิตอธิบายแนวทางในการป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์มาอย่างน้อย 5 ข้อ
1) ใช้โปรแกรมสแกนไวรัส
2) เปิดระบบป้องกันของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า ไฟร์วอลล์ (Firewall)
3) การนำ Proxy เข้ามาทำงานร่วมกับไฟร์วอลล์โดยเป็นการติดต่อผ่านProxy Server เพื่อป้องกันระบบ Internet ให้ปลอดภัย
4) ไม่กดโหลดอะไรมั่ว ควรอ่านให้ดีๆ
5) ไม่คลิกโฆษณาหน้าเว็บไซต์ต่างๆ
5. มาตรการด้านจริยธรรมคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตที่เหมาะสมกับสังคมปัจจุบัน ได้แก่
1) ICT Gate Keeper เฝ้าระวังพิษภัยอินเทอร์เน็ตบนเครือข่ายและวงจรเชื่อมต่อระหว่างประเทศ (Gateway) พัฒนาซอฟต์แวร์นี้โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กระทรวงไอซีที ได้มอบหมายให้บริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) ดำเนินการเพื่อเฝ้าระวังปิดกั้นข้อมูลไม่เหมาะสมตั้งแต่ต้นทาง
2) House Keeper ซึ่งจัดทำเป็นแผ่นซีดีรอม และแจกฟรีให้กับผู้ปกครองหรือดาวน์โหลดได้ฟรีจากเว็บไซต์ของกระทรวง โปรแกรมนี้จะมี 3 ส่วน
-  ส่วนแรกคิดดี้แคร์ ปิดกั้นเว็บไซต์อนาจารและเว็บที่ไม่เหมาะสมที่กระทรวงไอซีที มีข้อมูลคาดว่าจะช่วยป้องกันได้ในระดับหนึ่ง
-  ต่อมาเป็นส่วนพีเพิลคลีน ติดไอคอนไวที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้จะคลิกเข้าไปเมื่อพบภาพลามกอนาจาร ประชาชนจึงสามารถเข้ามามีบทบาทช่วยเฝ้าระวังภัยได้เช่นกัน
-  ส่วนสุดท้าย สมาร์ทเกมเมอร์ (Smart Gamer) แก้ปัญหาการติดแกม และควบคุมการเล่นเกมของเด็ก ๆ ผู้ปกครองจะเป็นผู้กำหนดระยะเวลาของการเล่นเกมและช่วยดูแลเรื่องความรุนแรงของเกม แต่ละส่วนนี้คงต้องมีการปรับปรุงให้ทันสมัยตลอดเวลา

บทที่ 8 การใช้สารสนเทศตามกฎหมายและจริยธรรม
1) “นาย A ทำการเขียนโปรแกรมขึ้นมาโปรแกรมหนึ่งเพื่อทดลองโจมตีการทำงานของคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งานได้โดยทำการระบุ IP-Address โปรแกรมนี้สร้างขึ้นมาเพื่อทดลองในงานวิจัย นาย B ที่ เป็นเพื่อนสนิทของนาย A ได้นำโปรแกรมนี้ไปทดลองใช้แกล้งนางสาว Cเมื่อนางสาว C ทราบเข้าก็เลยนำโปรแกรมนี้ไปใช้และส่งต่อให้เพื่อนๆ ที่รู้จักได้ทดลอง การกระทำอย่างนี้ผิดจริยธรรมหรือผิดกฎหมาย ใดๆ หรือไม่ หากไม่ผิดเพราะเหตุใด และหากผิด ผิดในแง่ไหน จงอธิบาย
ตอบ ผิดทางกฎหมาย มาตรา ๙ ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากทำโปรแกรมเพื่อทดลองโจมตีการทำงานของคอมพิวเตอร์และทำให้ผู้อื่นเสียหาย และหากนาย B นำโปรแกรมไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตก็ผิดเช่นเดียวกัน เพราะไม่ใช่โปรแกรมที่นำไปเผยแพร่ เป็นโปรแกรมสร้างมาเพื่อทดลองในงานวิจัย ดังนั้นจึงผิดทั้งจริยธรรมและทางกฎหมาย โดยที่นางสาว Cก็ผิดเช่นเดียวกัน
2) “นาย J ได้ทำการสร้างโฮมเพจ เพื่อบอกว่าโลกแบนโดยมีหลักฐาน อ้างอิงจากตำราต่างๆ อีกทั้ง รูปประกอบ เป็นการทำเพื่อความสนุกสนาน ไม่ได้ใช้ในการอ้างอิงทางวิชาการใดๆ เด็กชาย K เป็นนักเรียน ในระดับประถมปลายที่ทำรายงานส่งครูเป็นการบ้านภาคฤดูร้อนโดยใช้ข้อมูลจากโฮมเพจของนาย J” การ กระทำอย่างนี้ ผิดจริยธรรม หรือผิดกฎหมายใดๆ หรือไม่ หากไม่ผิดเพราะเหตุใด และหากผิด ผิดในแง่ไหน จงอธิบาย

ตอบ ไม่ผิดเพราะเด็กชาย K ทำรายงานเพื่อการศึกษา และเนื้อหาที่ใช้มีส่วนอ้างอิงน่าเชื่อถือ



1 ความคิดเห็น: